1457530983551

ทำไมสวิตเซอร์แลนด์จึงกลายเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลก

ประเทศเล็กๆบนเทือกเขาแอลป์ที่ขาดแคลนวัตถุดิบ สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีทางเลือกมากนักแต่ก็มีการสร้างสรรค์ตัวเองและนำเสนอสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมออย่างไม่มีที่สิ้นสุด การพัฒนาทรัพยากรทางเลือก ทั้งในด้านเกษตรกรรม การท่องเที่ยวและการบริการ อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จและจะยั่งยืนแค่ไหน?

เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 18 สวิตเซอร์แลนด์เป็นที่รู้จักในแรกเริ่มของที่ตั้งที่อยู่บนเทือกเขาแอลป์ บรรดาวัวและฝูงแกะ เช่นเดียวกับในบทประพันธ์ของ “William Tell” ที่ได้กล่าวถึงคนเลี้ยงแกะซึ่งเป็นเหมือนการพูดถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ณ ตอนนี้ เวลาผ่านไปถึงสองร้อยปี สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงแห่งนวัตกรรมและระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงแข็งแรงและเป็นลำดับต้นๆในระดับนานาชาติสำหรับเรื่องของนวัตกรรม

สิทธิบัตรเป็นอีกหนึ่งในตัวบ่งชี้ความสำเร็จของนวัตกรรม ในระหว่างปี 1985 และ 2014 จำนวนของสิทธิบัตรทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า ไม่น้อยกว่า 2.7 ล้านเป็นประจำทุกๆปี ซึ่งมากกว่า 43000 ใบถูกรับรองในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2014 โดยเป็นที่รู้กันว่าสวิตเซอร์แลนด์อยู่ในดับดับที่ 8 ของโลก แต่ถ้าวัดจากสัดส่วนปริมาณประชากรแล้วนั้นถือว่าเป็นอันดับ 1

ความขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติทำให้สวิตเซอร์แลนด์มักพยายามที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ในสวิตเซอร์แลนด์ธุรกิจนั้นแยกย่อยเป็นหน่วยเล็กๆและมีหลายส่วน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำสินค้าส่งออกสู่ตลาดนอกประเทศ ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์เองก็มีประสิทธิภาพมากพอที่จะแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ

เนื่องจากพื้นที่ประเทศส่วนใหญ่รอดพ้นจากการทำลายล้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและด้วยเหตุผลนี้ สวิตเซอร์แลนด์จึงอยู่ในจุดที่ได้เปรียบโดยทำการส่งออกสินค้าจำพวกสิ่งอำนวยความสะดวกไปยังพื้นที่ที่ต้องการซ่อมแซมที่เกิดจากความเสียหายจากสงคราม และยิ่งเป็นประโยชน์อีกมากมายทั้งในเรื่องของความมั่นคงทางนโยบายเศรษฐกิจ การให้ความสำคัญกับการทำงานหนัก การอุทิศตนเองและการศึกษา

 

สิทธิบัตรกว่า 43,000 ฉบับได้ถูกจดในปี 2014 ในสวิตเซอร์แลนด์

แรงงานข้ามชาติที่มีทักษะการทำงาน
อีกปัจจัยหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของสวิส: การย้ายถิ่นถานในช่วงทศวรรษที่ 16 ถึง 18 มีชาวฝรั่งเศสที่รับถือลัทธิโปรเตสแตนต์จำนวนมากเข้ามาขอลี้ภัยในเจนีวา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวยและมีทักษะในการค้าขาย

หนึ่งในผลดีของแรงงานเหล่านี้คือการพาเหล่าบรรดาช่างนาฬิกามายังเจนีวา

หลังจากได้ก่อตั้งเป็นสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ในปี 1848 บรรดาผู้ลี้ภัยทางการเมืองและกษัตริย์ของยุโรปได้เดินทางมาที่สวิตเซอร์แลนด์ ในบรรดาบุคคลเหล่านี้นั้นรวมไปถึงคณะอาจารย์จากประเทศเยอรมันที่ได้เข้ามาช่วยกันสร้างมหาวิทยาลัยสวิสแห่งใหม่ขึ้น ในฐานะของประเทศที่ก้าวเข้าสู่ความเป็นอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังจากศตวรรษที่ 19 ท้ายที่สุดสวิตเซอร์แลนด์ได้กลายเป็นประเทศที่เป็นที่หมายปองของคนจำนวนมากที่ต้องการเข้ามาทำงานและอาศัยในสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและการครองชีพที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

มากกว่า 60% ของค่าใช้จ่ายในการทำวิจัยและพัฒนาในสวิตเซอร์แลนด์ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากภาครัฐ

การลงทุนของต่างชาติ

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมาสวิตเซอร์แลนด์สามารถที่จะดึงดูดแรงงานที่มีคุณภาพสูงซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ณ ปัจจุบัน กว่าร้อยละ 60 ของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนารวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 18 ล้านฟรังก์สวิสเป็นทุนที่ได้รับโดยตรงจากภาคเอกชนทั้งสิ้น
ประมาณหนึ่งในสี่ของเงินทุนมาจากรัฐบาลและส่วนที่เหลือมาจากนักลงทุนต่างชาติ สวิตเซอร์แลนด์มีอันดับที่เกี่ยวกับค่าเฉลี่ยเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในระดับของเงินทุนสาธารณะเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (ที่ GDP)
แรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่น่าประทับใจของสวิตเซอร์แลนด์ที่ประสบความสำเร็จด้านนวัตกรรมในภาคธุรกิจ บริษัท ขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ABB, Roche, Nestlé และ Novartis  ที่จดสิทธิบัตรกว่า 400 และ 600 ใบในปี 2014

ตามข้อมูลจากสำนักงานสิทธิบัตรยุโรปทำให้พวกเขาอยู่ใน 50 อันดับแรกของผู้สมัครสิทธิบัตรในยุโรป สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางแต่ก็สามารถเป็นผู้นำในระดับนานาชาติในการใช้ประโยชน์จากความรู้ใหม่ๆสำหรับกระบวนการเกี่ยวกับนวัตกรรมของตัวเองและการผลิตที่มีคุณภาพสูงเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับตลาดต่างประเทศ

ในการสำรวจของ บริษัท ที่ดำเนินการโดยบริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส ในปี 2014 ประมาณร้อยละสิบของ SMEs ในอุตสาหกรรม รายงานว่าพวกเขาเป็นผู้นำในตลาดโลกเป็นอย่างน้อยหนึ่งผลิตภัณฑ์จากผลิตภัณฑ์หลักทั้งหมดของพวกเขา ร้อยละสามสิบเป็นผู้นำของตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์หลักอย่างน้อยหนึ่งอย่างในหนึ่งประเทศ

 

 

สิทธิบัตร 200 ใบในระยะเวลา 1 ปี ถูกจดโดย The Swiss Federal Institutes of Technology ในซูริคและโลซาน

สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก

พร้อมด้วยอุตสาหกรรมภาคเอกชน ภาคการศึกษาขั้นสูงก็มีบทบาทสำคัญในฐานะที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์ – ตัวอย่างเช่น the Swiss Federal Institute of Technology Zurich (ETHZ) และ EPFL ในโลซาน ทั้งสองมหาวิทยาลัยที่อยู่ใน 20 อันดับแรกของโลก ข้อกำหนดหลักของสถาบันเทคโนโลยีในสวิตเซอร์แลนด์คือการส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ในแต่ละปีมีผู้สำเร็จการศึกษามากกว่า 2,000 คนในหลักสูตรปริญญาโทและกว่า 1,000 ในหลักสูตรปริญญาเอก ETHZ และ EPFL จะเข้าร่วมกับภาคเอกชน โดยทั้งสองสถาบันยังดำเนินการวิจัยพื้นฐานและเป็นพันธมิตรกับภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐที่ประสบความสำเร็จในการผลิตนวัตกรรมการตลาดที่พร้อมถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่ผ่านกระบวนการต่างๆ ซึ่งพวกเขาได้จดสิทธิบัตรเป็นจำนวนประมาณ 200 ใบในทุกๆปีและอีกกว่า 49 ใบที่พัฒนาต่อยอดจากสิทธิบัตรข้างต้น

ทำอย่างไรให้อยู่อย่างประสบความสำเร็จ

หากสวิตเซอร์แลนด์คือการรักษาตำแหน่งสูงสุดในระดับนานาชาติก็ต้องทำให้เชื่อมั่นว่าเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการพัฒนานวัตกรรมยังคงอยู่เหมือนเดิม รวมถึงตัวอย่างเช่น กฎระเบียบที่เหมาะสำหรับธุรกิจและความเหมาะสมในการจัดเก็บภาษีในประเทศเช่นเดียวกับการใช้บริการฟรีไปยังตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ก็ควรจะมีกระบวนการที่ดำเนินการง่ายๆสำหรับ บริษัท สวิสและมหาวิทยาลัยสวิสที่จะรับสมัครแรงงานมีฝีมือจากต่างประเทศรวมทั้งจากนอกสหภาพยุโรป / ประเทศ EFTA ซึ่งในที่สุดสวิตเซอร์แลนด์ต้องทำให้แน่ใจว่าระบบการศึกษาของตนยังคงแข็งแกร่ง หากเงื่อนไขพื้นฐานเหล่านี้ด้อยลงไปก็จะเกิดอุปสรรคสำหรับการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ สิ่งหนึ่งคือคู่แข่งในระดับนานาชาติเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา

 

ขอบคุณข้อมูลต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก https://www.credit-suisse.com/jp/en/articles/articles/news-and-expertise/2016/03/en/innovation-switzerland.html